Sunday, June 3, 2007

นิยายดีที่ไม่ได้กะซื้อ..

เพิ่งได้อ่าน "การผจญภัยของทอม ซอเยอร์ ยุคไอที (เล่ม 1)" จบไปเมื่อกี้ สนุกดี เนื้อเรื่องก็ดีใช้ได้เลยล่ะ น่าสนใจ น่าติดตามตลอดเรื่อง (ไม่รู้จะอธิบายให้สมกับเรื่องดี เราพูดถึงหนังสือเล่มไหนๆก็มักจะแย่กว่าความเป็นจริงทั้งนั้นเลย)


การผจญภัยของทอม ซอเยอร์ ยุคไอที 1


[ข้อมูลจาก TBT]

ชื่อผู้แต่ง / แปล : ฮายามิเนะ คาโอรุ / อนุรัชนี
สำนักพิมพ์ : สยามอินเตอร์บุ๊คส์

เนื้อหา :
การผจญภัยของ ทอม ซอเยอร์ ยุคไอที 1 หนังสือเล่มนี้จะพาเด็กๆ ไปพบกับการผจญภัยของสองคู่หูอัจฉริยะ เมื่อ "ไนโตะ ไนโต้" เด็กหนุ่มธรรมดาที่มีความอยากรู้อยากเห็น และมีสัญชาตญาณนักสู้และการเอาตัวรอดซึ่งได้รับการถ่ายทอดจากยายของเขา ได้โคจรมาพบกับเพื่อนร่วมห้องที่ปกติไม่ค่อยสุงสิงกับใคร "โซยะ ริวโอ" เด็กหนุ่มที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ และเป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลริวโอ ตระกูลใหญ่ที่มีกิจการมากมายทั่วญี่ปุ่นซึ่งร่ำรวยมหาศาล แต่เขากลับมีงานอดิเรกแปลกๆ ที่ไนโตะไปพบเข้าบังเอิญ และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในเมืองหลวงของเขาทั้งคู่ อะไรคือสิ่งนั้น จุดที่ชักนำพวกเขาไปสู่การผจญภัยในครั้งนี้ และพวกเขาจะทำเช่นไร ร่วมลุ้นไปพร้อมๆ กับพวกเขาได้แล้วในเล่ม


เราชอบรูปเล่มของเรื่องนี้มากเลยนะ เว้นก็แต่ฟอนต์น่ะแหละ ที่ทำให้ดูเด็กจนไม่อยากอ่าน (ขอสารภาพว่า ถ้าไม่ไปเจอที่เซเว่นเล่มละ 75 เราก็คงไม่ซื้อหรอก)

ไม่รู้จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงดี แต่ก็ไม่อยากจะบอกเลยว่า ชอบเล่มนี้มากกว่านิยายมีชื่อ(แต่ไม่ดังนะ) ห้าเล่มพันกว่าบาทที่ไปแบกกลับมาจากจตุจักรอย่างมาก
เล่มนี้อ่านลื่น (ขอชมคนแปล) ไม่ค่อยมีติดขัด ไม่มีที่อ่านแล้วรู้สึกหงุดหงิด แค่แปลกๆกับบางที่ (เช่นการเว้นวรรคระหว่างประโยคเป็นต้น)

เนื้อเรื่องของหนังสือเล่มนี้ลงตัวดี สนุกทั้งเรื่อง ไม่มีอะไรหนักๆ จับเอาอะไรรอบๆตัีว(ในญี่ปุ่น)มาผูกเป็นเรื่องได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของเกมคอมฯ เกมโชว์ หรือกับดักและแผนต่างๆที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่เวอร์หรืออ่อนเกินไป (ข้อนี้ต้องขอชมความคิดสร้างสรรค์ของคนเขียนล่ะ เราชอบจริงๆนะ)

ตัวละครของเรื่องนี้ก็มีความสมบูรณ์อย่างพอเหมาะพอดี ตัวเอกสองคนเป็นเหมือนส่วนผสมที่ลงตัวอย่างดีเหมือนฝ่ายบุ๋นกับฝ่ายบู๊
รู้สึกชอบโซยะมาก (หึหึหึหึหึ) เป็นตัวละครที่เปิดฉากในห้องสมุดมารู้สึกว่า "เฮ้ย! ไอ้แบบนั้นน่ะ มันเหมือนเราเลยนี่!" (อาการประเภทไม่ค่อยพูดกับใคร พูดคำตอบคำ อยู่แต่ในห้องสมุกคนเดียว และอะไรเทือกๆนั้นนั่นแหละแบบเดียวกับเราเลย เว้นอย่างเดียวคือเราค่อนข้างจะแคร์ความรู้สึกของคนอื่น [พยายามฝึกไว้น่ะ แต่ถ้าโกรธขึ้นมาจริงๆล่ะก็ หน้าไหนก็ไม่แคร์ทั้งนั้น นิสัยที่พยายามเลือกคำที่มีผลกระทบน้อยที่สุด จะกลายเป็นพยายามสรรหาคำที่จะมาทำให้เสียความรู้สึกมากที่สุดแทน หึหึหึหึหึ]) เป็นตัวละครที่เราชอบตลอดทั้งเรื่อง จะมีติบ้างก็แค่ตรงที่มันไม่แคร์ความรู้สึกกระทั่งคนใกล้ตัว (เอ๊ะ! หรือจะอยากแกล้ง? หรือรู้ว่าถึงทำไปคนนั้นก็ไม่อะไรนักหนา?)

เรื่องนี้ถ้าจะติ ก็มีอยู่แค่เล็กๆน้อยๆ เช่นในตอนที่ว่าการเซนเซอร์วีดีโอต้องอาศัยสตูดิโอ ช่วงหลังๆนี่มันไม่ต้องแล้วไม่ใช่รึไง? แค่โปรแกรมตัดต่อวีดีโอทั่วๆไปก็ทำได้ พักหลังๆนี้ฟรีแลนซ์รับตัตต่อวีดีโอยังเอางานมาทำเองที่บ้านได้เลย (ถึงแม้จะต้องการเสปคเครื่องสูงสักหน่อย แต่คนทำเกมก็ต้องใช้เสปกสูงไม่แพ้กันหรอก) ปี 2003 ที่เรื่องนี้เขียนขึ้น (ดูจากปกหลัง น่าจะใช่นะ) ก็มีโปรแกรมตัดต่อวีดีโอโปรๆออกมาแล้วนิ อย่างพวก Adobe Premier , Ulead หรือกระทั่ง Vegas

อีกอย่างนึงคือเรื่องการเขียนเกม ที่เรื่องนี้พูดประมาณว่าไม่สามารถจะเขียนด้วยคนๆเดียวได้ ข้อนี้เราไม่เถียงถ้าเป็นเกมใหญ่ๆ แต่เราขอเถียงว่าเกมที่ไม่ใช่โปรเจกต์ใหญ่ยักษ์สามารถเขียนคนเดียว(หรือไม่กี่คน)ได้
คนที่เรารู้จักทางเอ็มคนนึงก็กำลังเขียนเกมคนเดียวอยู่ (แต่เราไม่แน่ใจว่ามีคนช่วยมากมายขนาดไหน หรือลุยเดี่ยวเองทุกอย่างก็ไม่ทราบ)
อีกตัวอย่างนึงคือเกม "Mount&Blade" ที่เราได้ยินมาว่ามีคนทำกันแค่สองคน แต่เกมก็ออกมาดีใช้ได้ทีเดียว (คนเขาวิจารณ์กันว่า ดีกว่าที่คิด)

คำพูดที่ชอบในเรื่องนี้ เป็นข้อความที่โซยะพูดกับไนโตะแฮะ มันคือตอนที่โซยะพูดประมาณว่า 'ไว้ใจในตัวไนโตะ' (หึหึหึหึหึ - หัวเราชั่วร้ายอย่างนี้ตลอดเลยเรา)

ปล. เรื่องนี้แปลออกมา ใช้การจัดเรียงชื่อแบบ ชื่อ-นามสกุล ไม่ได้ใช้ นามสกุล-ชื่อ นะ

No comments: