Sunday, January 5, 2014

เมื่อเราเปลี่ยนสายตา โลกก็เปลี่ยนไป

เคยอ่านอะไรบางอย่าง ฟังคำพูดของใครบางคน ที่จู่ๆก็ทำให้โลกทั้งใบของเราเปลี่ยนไปไหม?

จู่ๆการกระทำที่ไม่มีความหมายก็มีความหมายขึ้นมา จู่ๆอะไรที่ไม่เคยเข้าใจก็เข้าใจขึ้นมา

โลกที่เคยมองเห็น ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

เราเองก็เคยเห็นโลกเป็นเรื่องเศร้า เป็นเวลาโพล้เพล้น่าหดหู่ตลอดกาล ไม่ยอมผ่านไปสักที

รอคอย... เมื่อไหร่ฟ้าจะสว่าง หรือมืดลงสักที

อยากจะหลับ แล้วไม่ตื่นขึ้นมาเจอฟ้าสีหม่นอย่างนี้อีกต่อไป

แต่ว่า รอเท่าไหร่ก็ไม่มา รอจนสิ้นหวัง จนมีแรงและกลับไปรออีกครั้ง จนสิ้นหวัง วนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป

ไม่มีสิ้นสุด มองไปทางใดก็ไม่มีทางออก

วันที่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้น เป็นวันที่ฟ้าสาง

ในที่สุดฟ้าโพล้เพล้ตลอดกาลก็ลับไป กลายเป็นวันใหม่ที่มองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัวตลอดมา

จริงๆก็ไม่ได้เร็วอย่างนั้นหรอกนะ ฟ้าสางแล้วก็ยังกลับไฟโพล้เพล้ใหม่ วนเวียนไป แต่อย่างน้อยวันเวลาก็ไม่ได้ปิดตายอย่างที่เป็นมาแล้ว

โลกที่เป็นเรื่องสั้นของเรา ที่สุดก็มีสีสันขึ้นมา แม้จะวนเวียนกลับไปเป็นเรื่องเศร้าอีกหลายครั้ง แต่เราก็พบว่า บนท้องฟ้านั้นมีดาวเหนืออยู่ ถ้าออกเดินทางตามมันไป เราจะได้สีสันที่หล่นหายกลับคืนมา

ครั้งแรกที่พบ หนังสือเล่มนั้นเหมือนพระอาทิตย์ที่เจิดจ้า

แม้หลังจากนั้น เมื่อกลับไปอ่านอีกครั้ง ก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมแล้ว แต่หนังสือเล่มนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้น และนำให้เราพบกับแสงสว่างแบบเดียวกันอีกมากมาย

หนังสือเล่มนั้น ข้อความเหล่านั้น ทำให้คนที่อยากจะหลับไปและไม่ตื่นขึ้นมาบนโลกนี้อีก กลายเป็นคนที่เห็นโลกทั้งใบเชื่อมโยงถึงกัน เป็นสวนดอกไม้และเป็นภาพวาดที่ใครสักคนตั้งใจสร้างขึ้นมาให้สวยงามอย่างที่เป็นในวันนี้ได้

หนังสือเล่มนั้น จุดเริ่มต้นนั้น สอนให้เรารู้ว่าโลกไม่ได้เปลี่ยนไปเลย คนรอบข้างก็ยังเป็นคนเดิม เหมือนเดิม ปัญหาที่เคยเกิดก็ยังเกิดขึ้นเหมือนวันก่อน

แต่ว่า พอเราเปลี่ยนไป เมื่อครั้งหนึ่งได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นแล้ว โลกของเราก็เปลี่ยนไป

โลกที่เราเห็นผ่านดวงตา โลกที่ครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ที่สุดแล้ว ก็อยู่หลังดวงตาเรานั่นเอง

แต่ว่านะ เมื่อได้เห็นโลกใหม่แล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป รอยยิ้มของเรา คำพูดของเรา หัวใจของเรา สักวันก็จะทำให้ใครสักคนได้เห็นในสิ่งนี้เหมือนกัน

เป็นผีเสื้อบางเบา ที่สักวัน อาจขยับเคลื่อนดวงดาว และทำให้โลกนี้เปลี่ยนไป

No comments: