Saturday, April 17, 2010

ตีสาม คืนวันที่สิบหก หลังสงกรานต์

อา.. แม้เพียงครั้งหนึ่ง
เราก็มิเคยตอบตนเองได้
อา..ไม่ว่าในยามใด
ก็หลงราวงมงายในเปลวเพลิง
เอ่ยคำซ้ำดุจไร้สิ้นสุด
ติดอยู่ในกับดักแห่งความอ่อนแอ

อา..แม้จะดูใกล้เพียงเท่านี้
แต่แม้ยื่นมือไปสัมผัส
ก็มิอาจได้มา
หนทางมิได้ทอดอยู่ ณ ที่นั้น
ทางนั้นโรยกรวด
ทางนั้นต้องสู้กับตนเอง
ทว่า..เราเอ่ยเช่นนี้มากี่ครั้งครากัน?
มิเคยออกเดินไปเสียที

อา..ยามวางสิ่งนั้นไว้เบื้องหน้า
ใกล้ราวจะสัมผัสได้ถึงละอองไอ
ก็ปรารถนาจะได้มา
ปรารถนาในสิ่งอันไกลนัก
โหยหาสิ่งซึ่งมิอาจได้มา
โอ.. ความรู้สึกเช่นนี้..
โอ.. โลกเช่นนี้..
ดุจตกอยู่ในห้วงจิตอันวิปลาส

อา..วิปลาส
คงเป็นวิปลาสกระมัง
ที่เราเฝ้าหามาจำกัดความ
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้
ราวปลาตาบอด
เวียนวนหาทางหลุดจากกรงขัง

อา..สิ่งนี้แล
เราจึงกลัวตนเอง
สิ่งนี้แล
เราจึงวิ่งหนี
ท่องไปดั่งหนีโรงฆ่า

อา..ทว่าก็ยังมีหวัง
เรามิได้อยู่ตัวคนเดียว
คนทั้งหลายจะเข้าใจหรือไม่
ก็มิได้อยู่ตัวคนเดียว
แม้มิมีกำลังจะทิ้งโลกในใจ
ภายนอกนั้นยังมีสิ่งอื่นมากมาย


จงอย่าได้เอ่ยคำว่าเกลียดอีกเลย..
กำลังนั้นอยู่ในตัวเธอ

No comments: