จาก…ความคิดถึง
กาลเวลาที่ผ่านเลย
ถ้าเธอจะไปจริงจริงแล้ว
ไปเถอะ…..อย่ามัวชักช้า
พอเธอก้าวไปสองสามก้าว
จงหยุดก่อน…..และหันมา
เพื่อให้ฉันได้มองเห็นหน้าเธออีก
เพราะชีวิตคือ…..นาฬิกาตีบอกเวลา
และก็คือ……ลำธารที่ไหลริน
ใครจะรู้…..เราอาจไม่ได้พบกันอีก
ปี ๒๕๑๗
หมู่พระมหาปราสาท
วังหลวงวังราชไท้.....................ปฐมวงศ์ สร้างนา
หวังสถิตอยู่คู่คง............................คู่ฟ้า
ปวงปราสาทดำรง..........................เป็นหมู่
งามตระการเจิดจ้า.........................แจ่มหล้าดุจจันทร์
แสนงามยามพิศล้วน..............ลำยอง
ไพโรจน์มนเทียรทอง.....................ก่องแก้ว
ช่อฟ้าเชิดน่าปอง...........................แลรับฟ้าเฮย
เด่นเมื่อสุริยาแพร้ว........................สาดต้องยามทิพา
ดุสิตมหาปราสาทล้ำ...............โอฬาร์
อีกพิมานรัตยา..............................เลิศแล้
ทั้งพระปรัศว์ซ้ายขวา......................ประเสริฐ
เทียมเทพพิมานแท้........................ล่องฟ้ารังสรรค์
ใบระกาปรียอดพริ้ง................ปล้องไฉน
นาคปักนาคสะดุ้งวิไล.....................เพริศพร้อง
หางหงส์นาคเบือนอุไร....................กลแต่ง แกล้งฤา
ทารักแต่งกระจกต้อง......................แบบแท้ทรงไทย
หน้าบันเสลาสลักล้วน..............ลวดลาย
เป็นกนกกิ่งแพร้วพราย....................ลดเลี้ยว
จำหลักรูปพรหมราย........................ประทับ หงส์แฮ
ลายเทพประนมเกี้ยว.......................กนกล้วนโสภา
อัพภันตรภาคนั้น....................พึงชม
บงพิดานน่านิยม............................ยิ่งไซร้
ดารกะอุดม...................................ล้อมรอบ จันทร์แล
เกลื่อนกล่นประดับไว้......................ดุจท้องนภาดล
พระบัลลังก์ราชเจ้า .................เสาวภา
อีกพระบรรจถรณ์รา........................ชไท้
ประดับมุกรจนา.............................แลเลิศ
ดูวิจิตรพิสดารไซร้..........................ยิ่งผู้ใดสวรรค์
๕ ตุลาคม ๒๕๑๔
กษัตริยานุสรณ์
รักชาติยอมสละแม้..........ชีวี
รักเกียรติจงเจตน์พลี................ชีพได้
รักราชมุ่งภักดี...........................รองบาท
รักศาสน์ราญเศิกไส้................เพื่อเกื้อพระศาสนา
พ.ศ. ๒๕๑๖
อาทร
หอมกลิ่นดอกไม้ชายป่า
ดึกแล้วหนาเรไรไม่ส่งเสียง
สายลมอ่อนพัดอยู่เป็นคู่เคียง
พฤกษาเรียงรายประดับรับราตรี
ใจมนุษย์บางครั้งช่างสับสน
เคยกังวลบางครั้งยังคิดหนี
อุปสรรคดังศิลากั้นวารี
หรือความดียุติธรรม์นั้นคือเงา
แต่มีคนมากระตุ้นให้รุนสู้
เราจึงรู้สึกกายหายเงียบเหงา
มองดูแล้วแววตาอาทรเรา
ที่ยังเขลาไม่รู้ธรรมประจำใจ
จันทรา
จะล่วงเลยลับฟ้าหรือไฉน
วานบอกคนที่เราเฝ้าห่วงใย
ว่าตัวไกลแต่จิตอยู่คู่นิรันดร์
พ.ศ. ๒๕๑๗
นกขมิ้น
โอ้เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อน
ถึงยามค่ำเจ้าจะจรนอนรังไหน
ท้องทุ่งนาสุมทุมพุ่มไม้ไพร
ได้อาศัยพักนอนแต่ก่อนมา
ค่ำนี้เชิญเจ้าปักษามาสู่เหย้า
จะคอยเฝ้าถนอมกล่อมรักษา
จงมาเป็นเพื่อนเล่นเจรจา
ให้ตัวข้าหายเหงาเศร้าดวงมาน
หรือเจ้ามีคู่ชมภิรมย์ชิด
ขอมิ่งมิตรเฉลยคำที่ร่ำขาน
ข้าจะได้ตัดอัคคีที่เผาลาญ
มิให้ผลาญจนชอกช้ำระกำทรวง
พ.ศ.๒๕๑๗

เมนูไข่
ไข่เค็มไข่ลวกทั้ง....ไข่หวาน
กับไข่ต้มสุกนาน……………เยี่ยวม้า
ไข่ตุ๋นรสเยี่ยมปาน…………รสทิพย์
ไข่ไก่โอ้เอี่ยมอ้า……….....อร่อยแท้อยากกิน
พ.ศ. ๒๕๑๘
ค่าแห่งหนังสือ
โลกคือมนทิรแผ้ว...........ไพศาล
ห้องหับสรรพโอฬาร...........เลิศแล้
หนังสือดุจประแจทวาร.......ไขสู่ ห้องนา
จักพบรัตนแท้..................ก่องแก้ววิทยา
พ.ศ. ๒๕๒๐
มุ่งไกลในรอยทราย
แม้อีกสักร้อยปี.................ฉันยังไม่มีเวลา
พอเยือนเยี่ยมโลกา.....ทั่วขอบฟ้าท่องเที่ยวไป
ถึงวิ่งเร่งรีบรุด...................ถ้าไม่สุดลมหายใจ
อยากเห็นทุกสิ่งใน.........พื้นแหล่งหล้าจักรวาล
เปิดดวงใจให้กว้าง.....รักทุกอย่างอย่างเบิกบาน
เปิดหูตานานนาน...............เพื่อค้นคิดสัจธรรม
และเพื่อจะรักยิ่ง...................รักรู้จริงรักจะจำ
ด้วยรักร้อยถ้อยคำ...........เป็นลำนำจวบร้อยปี
พ.ศ. ๒๕๒๓ – ๒๕๒๔
วันนี้
พฤกษามาลียังปรากฏ
ยังรวยรื่นชื่นกลิ่นสุคนธรส
ดังกำหนดเอ่นวาจาลาจากไป
สิบร้อยวันพันเดือนมาเยือนเยี่ยม
ก็ไม่เทียมวันดีวันนี้ได้
เป็นวันเราตั้งจิตคิดรวมใจ
นานเท่าใดจำมั่นมิหวั่นวาย
ถึงจะจรนอนร้างกลางถิ่นเถื่อน
จะเอ่ยเอื้อนบทเพลงเปล่งความหมาย
ใจจะอยู่คู่แน่แม้ไกลกาย
เพราะวันพรุ่งอาจจะหายไปจากกัน
อดีตอันเกรียงไกรอย่าได้นึก
อย่าเฝ้าตรึกคำสัญญาพาใจฝัน
เพียงวันพบวันนี้ที่สำคัญ
วันของฉันที่แท้แค่วันเดียว
พ.ศ.๒๕๒๕/๒๕๒๖
ดื่มเหล้า
บท ๘
ต้นสนสีเขียวในสวนตะวันออก
พงหญ้าบดบังไม่เห็นรูปร่าง
เมื่อน้ำค้างแข็งขจัดพืชอื่น ๆ
เห็นแต่สนสูงตรงยืนตระหง่าน
เมื่ออยู่เป็นดงคนไม่สังเกต
ยืนต้นเดียวโดดเด่นคนอัศจรรย์
ยกกาเหล้าแขวนกิ่งไม้หนาว
มองไปไกลครั้งแล้วครั้งเล่า
ชีวิตข้าเหมือนอยู่ในความฝัน
แล้วไยต้องผูกตนอยู่กับกิเลสธุลี
พ.ศ. ๒๕๒๗
ทรงแปลจากบทกวีชุด “อิ๋นจิ๋ว” หรือ “ดื่มเหล้า”
ของเถายวนหมิง (ค.ศ.๓๖๕ - ๔๒๗)
กวียิ่งใหญ่ของจีนในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก (ค.ศ.๓๑๗ – ๔๒๐)
วิหคเหิน
โอ้ว่าเจ้าปักษาน่าเอ็นดู.......................เจ้าโผบินผินอยู่ห้วงเวหน
ไปว้าเหว่เซซังลำพังตน....................ทิ้งบ้านคนที่เคยพักพำนักนอน
เจ้าเคยได้อยู่ดีมีที่รัก....................เห็นแปลกนักไปไยในไพรสยอน
เคยถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงอาทร.........แต่ยังอ่อนเยาว์วัยไม่จากกัน
โภชนะจะหามีอยู่ที่ไหน....ยังเหยี่ยวใหญ่ตัวร้ายตัวร้ายคอยหมายขวัญ
อันตรายนานาสารพัน.................ในไพรสัณฑ์เจ้าจะยากลำบากกาย
แต่โลกนี้มีกรรมเป็นธรรมะ...........................อิสระเสรีมีความหมาย
ชีวิตเราล้วนเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย.........สิ่งเบื้องหน้าท้าทายวิหคบิน
นภากาศกว้างใหญ่ไพศาลนัก..................พอลมบนร้องทักเจ้าปักษิน
อุดมการณ์กระซิบสั่งดังใจจินต์................ละแผ่นดินเหินฟ้ามุ่งหาดาว
พ.ศ. ๒๕๓๐
สงสารใจ
หัวใจเอ๋ยอย่าปล่อยให้ไฟดับ............เมื่อเปิดรับรักมาคืนหน้าหนาว
หากไฟดับความรักจักปวดร้าว...................อยู่ไม่ยาวยืนนานพาลจากไป
ถึงหน้าหนาวคราวใดให้หวาดหวั่น..................ด้วยหนาวนั้นจักจู่สู่ป่าใหญ่
เปลื้องอาภรณ์บุบผาผกาไพร............ไม่ปล่อยไว้ติดกายแพรวพรายพราว
หัวใจเอ๋ยอย่าปล่อยให้ไฟดับ.....................เมื่อเปิดรับรักมาคืนหน้าหนาว
หากไฟดับความรักจักปวดร้าว..............อยู่ไม่ยาวไม่เข้าเรือนเลือนจากจร
ฤดูหนาวนี้หนาไร้ปราณี..................................ผลาญชีวีปักษินที่บินร่อน
ธารน้ำไหลกลายแข็งทั่วแดนดอน.........พื้นดินอ่อนกลับเป็นหินสิ้นเรื่องราว
หัวใจเอ๋ยอย่าปล่อยให้ไฟดับ......................เมื่อเปิดรับรักมาคืนหน้าหนาว
หากไฟดับความรักจักปวดร้าว.....................อยู่ไม่ยาวยืนนานพาลจากไป
ตัวคนเดียวหลงทางกลางเหมันต์...................ความรักนั้นจักชอกช้ำฤาไฉน
เพียงสายตาชาเย็นไม่เท่าไร...........................อาจประหารรักได้ให้มรณา
หรือจุมพิตเฉยเมยเคยอบอุ่น............................หัวใจจงการุญความรักข้า
หากถนอมอาทรดังก่อนมา.......................จงรู้ว่าอย่าปล่อยให้ไฟดับเอย
พ.ศ. ๒๕๓๒
จีนเก็บดอกไม้
ซุนเทียนนอนได้ไปถึงเช้า.........ทุกแห่งเราได้ยินปักษา
ค่ำคืนเสียงลมฝนพัดมา....................ดอกไม้ร่วงไม่รู้ว่าเท่าใด
จะปล่อยร่วงไปไยเสียดายนัก...............เพื่อนรักผู้มีจิตแจ่มใส
จงเด็ดดมรมย์รื่นชื่นหทัย........................บุปผาคือน้ำใจไมตรี
สุขล้ำสัมพันธ์ฉันมิตร.....................พาชีวิตเรืองรุ่งมุ่งเกียรติศรี
ดอกไม้หลายหลากมากมี.....................แต่ล้วนงามดีไม่แพ้กัน
จะเป็นจีนเป็นไทยใช่ใครอื่น.................จงชมชื่นผูกจิตสนิทมั่น
เด็ดผกาแทนใจผูกพัน.............แบ่งปันประดับเรือนเตือนตาเอย
พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๓
ซุนเทียน แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิ
สักวาโภชนาการ
สักวาไหว้ครูใหญ่ในสวรรค์............ที่สร้างสรรค์ธัญญาผลาหาร
มวลมนุษย์น้อยใหญ่ในจักรวาล.........ต้องคิดอ่านกินให้ถูกปลูกให้เป็น
ถ้ากินน้อยก็ผอมยอมไม่ได้................กินมากไปก็ล้นหลามตามที่เห็น
ครูท่านสอนความพอดีซึ่งยากเย็น.....ยกประเด็นหลายอย่างต่างต่างเอย
๓๑ มกราคม ๒๕๓๕
ดอกสร้อยโภชนาการ
เรียนเอ๋ยเรียนรู้..........................เรื่องอาหารการกินอยู่ดีนักหนา
กินน้อยไปอาจตายวายชีวา.................มากก็แย่เหมือนถูกฆ่าอยู่ก้นครัว
โภชนาการนั้นไซร้ต้องให้เหมาะ....................กับปัจจัยจำเพาะดีถ้วนทั่ว
ออกกำลังช่วยลดน้ำหนักตัว.....................ไม่ต้องกลัวไขมันอุดตันเอย
๘ มีนาคม ๒๕๓๖
No comments:
Post a Comment