Sunday, November 26, 2006

กลอนของพระเทพฯ

​พระอัจฉริย​ภาพ​ด้าน​​การ​​​ประพันธ์​​​ใน​ สมเด็จ​พระเทพรัตนราช​สุด​าฯสยามบรม​ราชกุม​าร​ีรวม​​พระราช​นิพนธ์​​​ใน​สมเด็จ​พระเทพรัตนราช​สุด​าฯ สยามบรม​ราชกุม​าร​ี


จาก​​…​ความ​​คิด​ถึง
กาลเวลา​ที่​ผ่าน​​เลย​
ถ้าเธอ​จะ​​ไป​จริงจริง​แล้ว​
​ไป​เถอะ…..อย่ามัว​ชักช้า
พอเธอก้าว​ไป​​สอง​​สาม​ก้าว
จงหยุด​ก่อน​…..​และ​​หันมา
​เพื่อ​​ให้​ฉัน​ได้​มองเห็น​หน้า​เธอ​อีก​
เพราะชีวิต​คือ​…..นาฬิกาตีบอกเวลา
​และ​​ก็​คือ​……ลำธาร​​ที่​ไหลริน​
​ใคร​​จะ​รู้…..เราอาจ​ไม่​​ได้​พบ​กัน​​อีก​

ปี ๒๕๑๗


หมู่​พระมหาปราสาท
วัง​หลวงวัง​ราชไท้.....................ปฐมวงศ์​ สร้าง​นา
หวัง​สถิต​อยู่​​คู่​คง............................​คู่​ฟ้า
ปวงปราสาทดำรง..........................​เป็น​​หมู่
งามตระ​การ​​เจิดจ้า.........................แจ่ม​หล้าดุจจันทร์​​
​แสน​งามยามพิศล้วน..............ลำยอง
ไพโรจน์​​มนเทียรทอง.....................ก่องแก้ว
ช่อฟ้าเชิด​น่า​ปอง...........................แลรับ​​ฟ้าเฮย
เด่น​เมื่อ​​สุริยา​แพร้ว........................สาด​ต้อง​ยามทิพา
ดุสิตมหาปราสาทล้ำ...............โอฬาร​์​​
​อีก​พิมาน​รัตยา..............................เลิศแล้
​ทั้ง​​​พระปรัศว์​ซ้าย​​ขวา......................​ประเสริฐ
เทียมเทพพิมาน​​แท้........................ล่องฟ้าร​ัง​สรรค​์​
​ใบ​ระกาปรี​ยอด​พริ้ง................ปล้องไฉน
นาคปักนาคสะดุ้งวิไล.....................เพริศพร้อง
หาง​หงส์​นาคเบือน​อุไร​....................กล​แต่​ง แกล้งฤา
ทาร​ัก​แต่​ง​กระจก​ต้อง​......................​แบบ​​​แท้ทรงไทย​
หน้า​บันเสลาสลักล้วน..............ลวดลาย​
​เป็น​​กนกกิ่ง​แพร้วพราย​....................ลด​เลี้​ยว
จำหลัก​รูป​พรหมราย​........................​ประทับ​ หงส์​แฮ
ลาย​เทพ​ประนมเกี้​ยว.......................กนกล้วนโสภา
อัพภันตรภาค​นั้น​....................พึง​ชม
บงพิดาน​​น่า​นิยม............................ยิ่งไซร้
ดาร​กะ​อุด​ม...................................ล้อมรอบ จันทร์​​แล
เกลื่อน​กล่น​ประดับ​​ไว้......................ดุจท้องนภาดล
​พระบัลลัง​ก์​ราช​เจ้า​ .................เสาวภา
​อีก​​พระบรรจถรณ์​รา........................ชไท้
​ประดับ​​มุกรจนา.............................แลเลิศ
ดูวิจิตรพิส​ดาร​ไซร้..........................ยิ่งผู้ใดสวรรค​์​

๕ ตุลาคม ๒๕๑๔


กษัตริยาน​ุสรณ์​
รักชาติยอมสละ​​แม้​..........ชีวี
รักเกียรติจงเจตน์​​พลี................ชีพ​ได้​
รักราชมุ่งภัก​ดี​...........................​รอง​บาท
รัก​ศาสน์​​ราญ​เศิกไส้................​เพื่อ​เกื้อ​พระ​ศาสนา

พ.ศ. ๒๕๑๖


อาทร
หอมกลิ่นดอกไม้ชาย​ป่า
ดึก​แล้ว​หนาเรไร​​ไม่​ส่ง​เสีย​ง
สาย​ลมอ่อน​พัด​อยู่​​เป็น​​​คู่​เคียง
พฤกษา​เรียงราย​​ประดับ​​รับ​​ราตรี
​ใจ​มนุษย์​บาง​ครั้ง​ช่าง​​​สับ​สน
​เคย​กัง​วลบาง​ครั้ง​​ยัง​​คิด​หนี
​อุปสรรค​​ดัง​​ศิลาก​ั้น​วาร​ี
​หรือ​​ความ​​ดี​ยุติ​ธรรม​์​​นั้น​​คือ​เงา
​แต่​มี​คน​มา​กระตุ้น​​ให้​รุนสู้
เราจึง​รู้สึกกาย​หาย​เงียบเหงา
มองดู​แล้ว​แววตาอาทรเรา
​ที่​​ยัง​เขลา​ไม่​รู้​ธรรม​​ประจำ​ใจ​

จันทรา
​จะ​ล่วง​เลย​ลับ​ฟ้า​หรือ​ไฉน
วาน​บอก​คน​​ที่​เราเฝ้าห่วงใย
ว่าตัว​ไกล​แต่​จิต​อยู่​​คู่​นิรันดร์​​

พ.ศ. ๒๕๑๗


นกขมิ้น​
โอ้​เจ้า​นกขมิ้น​เหลืองอ่อน​
ถึง​ยามค่ำ​เจ้า​​จะ​จรน​อนรัง​​ไหน​
ท้องทุ่งนา​สุม​ทุม​พุ่ม​ไม้ไพร
​ได้​อาศัย​พักนอน​แต่​ก่อน​มา
ค่ำ​นี้​​​เชิญ​เจ้า​ปักษา​มาสู่เหย้า
​จะ​คอยเฝ้าถนอมกล่อม​รักษา​​
จงมา​เป็น​​​เพื่อ​น​เล่น​เจรจา
​ให้​ตัว​ข้าหาย​เหงา​เศร้าดวงมาน​
​หรือ​​เจ้า​มี​คู่​ชมภิรม​ย์​ชิด
ขอมิ่งมิตรเฉลย​คำ​​ที่​ร่ำขาน​
ข้า​จะ​​ได้​​ตัด​อัคคี​ที่​​เผา​ลาญ
มิ​ให้​ผลาญจนชอกช้ำระกำทรวง

พ.ศ.๒๕๑๗





เมนูไข่
ไข่เค็มไข่ลวก​ทั้ง​​....ไข่หวาน​
​กับ​​ไข่ต้ม​สุกนาน​……………เยี่ยวม้า
ไข่ตุ๋นรสเยี่ยมปาน​…………รสทิพย์​
ไข่ไก่โอ้เอี่ยมอ้า……….....อร่อย​แท้อยาก​กิน​

พ.ศ. ๒๕๑๘


ค่า​แห่ง​​หนัง​สือ
โลก​คือ​มนทิรแผ้ว...........ไพ​ศาล
ห้องหับ​​สรรพ​โอฬาร​...........เลิศแล้
​หนัง​สือดุจ​ป​ระแจทวาร​.......ไขสู่ ห้องนา
จักพบรัตน​แท้..................ก่องแก้ววิทย​า

พ.ศ. ๒๕๒๐


มุ่งไกล​ใน​รอย​ทราย​
​แม้​​อีก​​สักร้อยปี.................ฉัน​ยัง​​ไม่​มีเวลา
พอเยือนเยี่ยมโลกา.....ทั่วขอบฟ้าท่องเ​ที่​ยว​ไป​
ถึง​วิ่งเร่งรีบรุด​...................ถ้า​ไม่​​สุด​ลมหาย​​ใจ​
อยาก​เห็น​​ทุก​สิ่ง​ใน​.........พื้น​แหล่งหล้าจักรวาล
​เปิด​ดวง​ใจ​​ให้​กว้าง​.....รัก​ทุก​อย่าง​​อย่าง​​เบิกบาน​
​เปิด​หูตาน​าน​นาน​...............​เพื่อ​ค้น​​คิด​​สัจ​ธรรม​
​และ​​​เพื่อ​​จะ​รักยิ่ง...................รักรู้จริงรัก​จะ​จำ
ด้วยรักร้อยถ้อย​คำ​...........​เป็น​​ลำนำจวบร้อยปี

พ.ศ. ๒๕๒๓ – ๒๕๒๔


วัน​นี้​​​
พฤกษา​มาลี​ยัง​ปราก​ฏ
​ยัง​รวยรื่นชื่นกลิ่น​สุ​คน​​ธรส
​ดัง​​​กำหนด​เอ่นวาจาลา​จาก​​​ไป​
​สิบ​ร้อยวันพันเดือนมาเยือนเยี่ยม
ก็​ไม่​เทียมวัน​ดี​วัน​นี้​​​​ได้​
​เป็น​​วันเราตั้ง​จิต​คิด​รวม​ใจ​
นาน​​เท่า​ใดจำมั่นมิหวั่นวาย​
ถึง​​จะ​จรน​อนร้าง​กลาง​ถิ่นเถื่อน​
​จะ​เอ่ยเอื้อนบทเพลงเปล่ง​ความ​หมาย​
​ใจ​​จะ​​อยู่​​คู่​แน่​แม้​ไกลกาย​
เพราะวันพรุ่งอาจ​จะ​หาย​​ไป​​จาก​​​กัน​
อ​ดี​ตอันเกรียงไกรอย​่า​ได้​นึก
อย่าเฝ้าตรึก​คำ​​สัญญาพา​ใจ​ฝัน
​เพียง​วันพบวัน​นี้​​​​ที่​สำคัญ
วัน​ของ​ฉัน​ที่​​แท้แค่วันเ​ดี​ยว

พ.ศ.๒๕๒๕/๒๕๒๖



ดื่ม​เหล้า
บท ๘
ต้น​สนสีเขียว​ใน​สวนตะวัน​ออก​
พงหญ้าบดบัง​​ไม่​เห็น​​รูป​ร่าง​​
​เมื่อ​น้ำ​ค้า​งแข็งขจัดพืชอื่น ๆ
เห็น​​แต่​สนสูง​ตรง​​ยืน​ตระหง่าน​
​เมื่อ​​อยู่​​เป็น​​ดง​คน​​ไม่​​สัง​เกต
​ยืน​ต้น​เ​ดี​ยวโดดเด่น​คน​อัศจรรย์​
ยก​กาเหล้าแขวนกิ่งไม้หนาว
มอง​ไป​ไกลครั้ง​​แล้ว​ครั้ง​เล่า
ชีวิตข้าเหมือน​อยู่​​ใน​​ความ​ฝัน
​แล้ว​ไย​ต้อง​ผูกตน​อยู่​​กับ​​กิเลสธุลี

พ.ศ. ๒๕๒๗

ทรงแปล​จาก​​บทกวีชุด​ ​“อิ๋นจิ๋ว”​ ​หรือ​ ​“ดื่ม​เหล้า”​
​ของ​เถาย​วนหมิง (ค.ศ.๓๖๕ - ๔๒๗)
กวียิ่งใหญ่​ของ​จีน​ใน​สมัย​ราชวงศ์​จิ้น​ตะวัน​ออก​ (ค.ศ.๓๑๗ – ๔๒๐)


วิหค​เหิน
โอ้ว่า​เจ้า​ปักษา​​น่า​เอ็น​ดู.......................​เจ้า​โผบิน​ผิน​​อยู่​ห้วงเวหน
​ไป​ว้าเหว่เซซัง​ลำพัง​ตน....................ทิ้งบ้าน​​คน​​ที่​​เคย​พักพำ​นักนอน
​เจ้า​​เคย​​ได้​​อยู่​​ดี​มี​ที่​รัก....................เห็น​แปลก​นัก​ไป​ไย​ใน​ไพรสยอน
​เคย​ถนอมกล่อมเกลี้​ยงเลี้​ยงอาทร.........​แต่​​ยัง​อ่อน​เยาว์​วัย​​ไม่​​จาก​​​กัน​
โภช​นะ​​จะ​หามี​อยู่​​ที่​​ไหน​....​ยัง​เหยี่ยวใหญ่ตัว​ร้าย​​ตัว​ร้าย​​คอยหมาย​ขวัญ
อันตราย​นาน​าสาร​พัน.................​ใน​ไพร​สัณฑ์​​เจ้า​​จะ​ยาก​ลำบาก​กาย​
​แต่​โลก​นี้​​​มีกรรม​​เป็น​​​ธรรม​ะ...........................อิส​ระเสรีมี​ความ​หมาย​
ชีวิตเราล้วนเปล่าเปลี่ยว​อยู่​เ​ดี​ยวดาย​.........สิ่งเบื้องหน้า​ท้าทาย​วิหคบิน​
นภาก​าศกว้าง​ใหญ่ไพ​ศาล​นัก..................พอลม​บน​ร้องทัก​เจ้า​ปักษิน​
​อุด​ม​การ​​ณ์​​กระซิบ​สั่ง​ดัง​​​ใจ​จิน​ต์​................ละ​แผ่นดิน​​เหิน​​ฟ้ามุ่งหาดาว

พ.ศ. ๒๕๓๐


สงสาร​​ใจ
หัว​​ใจ​เอ๋ยอย่าปล่อย​ให้​​ไฟ​ดับ​​............​เมื่อ​​เปิด​รับ​​รักมาคืนหน้า​หนาว
หาก​​ไฟ​ดับ​​​ความ​รักจักปวดร้าว...................​อยู่​​ไม่​ยาว​ยืน​นาน​พาล​จาก​​​ไป​
ถึง​หน้า​หนาวคราวใด​ให้​หวาดหวั่น..................ด้วยหนาว​นั้น​จักจู่สู่ป่าใหญ่
เปลื้องอาภรณ์​บุบผาผกาไพร............​ไม่​ปล่อยไว้​ติด​กาย​​แพรวพราย​พราว
หัว​​ใจ​เอ๋ยอย่าปล่อย​ให้​​ไฟ​ดับ​​.....................​เมื่อ​​เปิด​รับ​​รักมาคืนหน้า​หนาว
หาก​​ไฟ​ดับ​​​ความ​รักจักปวดร้าว..............​อยู่​​ไม่​ยาว​ไม่​​เข้า​​เรือ​นเลือน​จาก​​จร
ฤดูหนาว​นี้​​​หนาไร​้ปราณี..................................ผลาญชีวีปักษิน​​ที่​บิน​ร่อน​
ธาร​น​้ำไหลกลาย​แข็งทั่ว​แดน​ดอน.........พื้น​ดิน​อ่อน​กลับ​​เป็น​​หิน​สิ้น​​เรื่อง​ราว
หัว​​ใจ​เอ๋ยอย่าปล่อย​ให้​​ไฟ​ดับ​​......................​เมื่อ​​เปิด​รับ​​รักมาคืนหน้า​หนาว
หาก​​ไฟ​ดับ​​​ความ​รักจักปวดร้าว.....................​อยู่​​ไม่​ยาว​ยืน​นาน​พาล​จาก​​​ไป​
ตัว​​คน​เ​ดี​ยวหลง​ทาง​​กลาง​เห​มัน​ต์​...................​ความ​รัก​นั้น​จักชอกช้ำฤาไฉน
​เพียง​สาย​ตาชา​เย็น​​​ไม่​​เท่า​ไร​...........................อาจ​ประหาร​รัก​ได้​​ให้​มรณา
​หรือ​จุม​พิตเฉยเมย​เคย​อบ​อุ่น............................หัว​​ใจ​จง​การ​​ุญ​ความ​รักข้า
หาก​ถนอมอาทร​ดัง​​ก่อน​มา.......................จงรู้ว่าอย่าปล่อย​ให้​​ไฟ​ดับ​​เอย

พ.ศ. ๒๕๓๒


จีนเก็บดอกไม้

ซุนเทียนนอน​ได้​​ไป​ถึง​เช้า.........​ทุก​​แห่ง​เรา​ได้​ยิน​ปักษา​
ค่ำคืน​เสีย​งลมฝนพัดมา....................ดอกไม้ร่วง​ไม่​รู้ว่า​เท่า​ใด
​จะ​ปล่อยร่วง​ไป​ไย​เสีย​ดาย​​นัก...............​เพื่อ​นรักผู้มีจิตแจ่ม​ใส
จงเด็ด​ดมรม​ย์​รื่นชื่นหทัย​........................บุปผา​คือ​น้ำ​ใจ​ไมตรี
​สุขล้ำ​สัมพันธ์​​ฉันมิตร.....................พาชีวิต​เรือ​งรุ่งมุ่งเกียรติศรี
ดอกไม้​หลาย​​หลาก​​มาก​​มี.....................​แต่​ล้วนงาม​ดี​​ไม่​​แพ้​กัน​
​จะ​​เป็น​​จีน​เป็น​​ไทย​ใช่​ใคร​อื่น.................จงชมชื่นผูกจิตสนิทมั่น
เด็ด​ผกา​​แทน​​ใจ​ผูกพัน.............แบ่งปัน​ประดับ​​​เรือ​นเตือนตาเอย

พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๓

ซุนเทียน แปลว่า ฤดู​ใบ​ไม้ผลิ


สักวาโภชนา​การ​​
​สักวาไหว้ครูใหญ่​ใน​สวรรค​์​............​ที่​สร้าง​สรรค​์​ธัญญาผลาหาร​
มวลมนุษย์​​น้อย​ใหญ่​ใน​จักรวาล.........​ต้อง​​คิด​​อ่าน​​กิน​​ให้​​ถูก​​ปลูก​​ให้​​เป็น​​
ถ้าก​ิน​​น้อย​ก็ผอมยอม​ไม่​​ได้​................กิน​​มาก​​​ไป​ก็ล้น​หลามตาม​ที่​เห็น​
ครู​ท่าน​​สอน​ความ​พอ​ดี​ซึ่งยาก​​เย็น​​.....ยก​​ประเด็น​​หลาย​​อย่าง​​ต่าง​​ต่าง​​เอย

๓๑ มกราคม ๒๕๓๕


ดอกสร้อยโภชนา​การ​​
​เรียน​เอ๋ย​เรียน​รู้..........................​เรื่อง​อาหาร​​การ​​กิน​​อยู่​​ดี​​นักหนา
กิน​​น้อย​​ไป​อาจตาย​วาย​ชีวา.................​มาก​​ก็แย่เหมือน​ถูก​​ฆ่า​​อยู่​ก้น​ครัว​
โภชนา​การ​​​นั้น​ไซร้​ต้อง​​ให้​เหมาะ....................​กับ​​ปัจจัย​จำเพาะ​ดี​ถ้วนทั่ว
​ออก​กำลัง​ช่วย​ลด​น้ำห​นักตัว​.....................​ไม่​​ต้อง​กลัว​ไข​มัน​​อุด​ตันเอย

๘ มีนาคม ๒๕๓๖

No comments: